หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
BLS
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
Market wrap & Outlook   
          เมื่อวาน SET ได้แบงก์หนุนต่ออีกนิดหน่อย: ดัชนีฯ รีบาวด์ ต่อได้อีกนิดหน่อย +0.36% จากแรงซื้อหุ้นใหญ่อย่าง SCB KBANK PTT AOT ส่วนหุ้นบวกแรงเกิน 4% ได้แก่ BTS BEM BEC WORK ERW EPCO        
          วันนี้คาด Sideways : คาดกรอบ SET วันนี้ 1630-1640 จุด มองหุ้นรายตัว จะเลือกเล่นขึ้นได้ดีกว่าดัชนี กลุ่มเด่น เน้นไปที่ Events play เช่น 1) หุ้น รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ วันนี้เข้า ครม. ERW CENTEL VRANDA MINT 2) ประชุม นักวิเคราะห์วันนี้ CK CHG BTS 
 
ส่วนปัจจัยเด่นๆ ที่ต้องติดตาม  
          (*/-) นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะมีการปรับเปา GDP ไทยลง ตามสภาพัฒน์ โดยล่าสุด BBL Econ team ออกรายงานปรับลดคาดการณ์ GDP 19 ลงเหลือ 2.6% จาก 3.1% โดยเป็นตัวเลขที่ Conservative กว่า สภาพัฒน์ประเมินกรอบล่างที่ 2.7% โดยอุตสาหกรรมเสี่ยงฉุด GDP จะมาจาก ภาคอสังหาฯ, การเกษตรที่โดนผลกระทบภัยแล้ง หนักกว่าคาด  
          (+/-) รายงานการประชุม เฟด วันพรุ่งนี้ (+) ครม.จะอนุมัติมาตรการ กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ วันนี้ เป็นต้น  
 
What to watch   
          (*/+) รมว.พาณิชย์สหรัฐ อนุมัติใบอนุญาตชั่วคราว 90 วัน เว้น แบน หัวเว่ย : โดยขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ของจีน สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน 
          (+) รอดู ถ้อยแถลง ประธาน เฟด ที่ Jackson Hole วันศุกร์นี้ : และ รายงานการประชุม เฟด เดือน กค. / คาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตอบสนองทันทีต่อความเสี่ยง ด้านเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจจะถดถอย ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และ จะหนุนให้ตลาดหุ้นโลกรีบาวด์ได้ หากมีการส่งสัญญาณ ช่วยผ่อนคลายความกังวลให้กับตลาด เช่น การลดดอกเบี้ยเพิ่ม และ ออก QE ใหม่ ให้เร็วขึ้น รวมถึง แนวทางนโยบายใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย
          (0/+) สภาพัฒน์ ปรับเปา GDP ไทยลง : สภาพัฒน์ รายงาน ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 +2.3% (ตาม Bloomberg consensus คาด) จาก 2.8% (1Q19) พร้อมทั้งปรับ GDP ปีนี้ลง เหลือ 2.7-3.2% (จากเดิมคาด 3.3-3.8%) จากคาดส่งออกติดลบเพิ่มขึ้น ส่วนปีหน้าคาด GDP โต 3.5% โดยมองว่า 2Q19 นี้ เป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีนี้      
 
หุ้นแนะนำวันนี้       
          CENTEL Laggard ในกลุ่มโรงแรม เล่นรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยกลุ่มลูกค้าในประเทศมีสัดส่วน 18% รองจาก ERW ที่ 20% และมี รร.กระจายมากสุด ในหลายพื้นที่ของประเทศ   
          CHG VIBHA เล่นรับ การประกาศปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลประกันสังคม เร็วๆนี้ เพื่อให้ทันใช้ 1 มค. 2020 หลังจากไม่ได้ปรับมานานกว่า 2 ปีครึ่ง (ติดช่วงการเปลี่ยนรัฐบาล) ซึ่งปกติ จะปรับขึ้น 2 ปีครั้ง  
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน     
 
รายงานวันนี้  
 
Thai Market Strategy กำไรสุทธิโดยรวมใน 3Q19 น่าจะปรับตัวลดลงต่อ YoY 
          เราคาดกำไรสุทธิของตลาดจะปรับตัวลดลง 9.3% YoY และกำไรหลักคาดปรับตัวลดลง 8.3% YoY หลักๆมาจากกลุ่ม พลังงาน, ปิโตรเคมี, และขนส่ง ในขณะที่คาดกำไรโดยรวมฟนตัว QoQ จากรายการพิเศษการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานในไตรมาสที่ผ่านมา เราคาดมี 10 กลุ่มจาก 19 กลุ่มที่จะรายงานกำไรหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และมี 6 กลุ่มที่คาดจะรายงานกำไรหลักเติบโตเกิน 15% YoY ได้แก่  ท่องเที่ยว (หลักๆ MINT), กลุ่มสินเชื่อรายย่อย, กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มอาหาร (ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวดีขึ้น), กลุ่มสื่อ และกลุ่ม ICT ภาพรวมของ EPS ตลาดแม้ว่าเราจะพึ่งมีการปรับลงมาที่ 99 บาท แต่ยังมองว่ายังคงมีความเสี่ยงขาลงอยู่ 
 
ECONOMICS การเติบโตของ GDP ใน 2Q19 ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี 
          อัตราการเติบโตของ GDP ใน 2Q19 อยู่ที่ 2.3% YoY ชะลอตัวลงจาก 2.8% YoY ใน 1Q19 ต่ำสุดตั้งแต่ 4Q14 เรามองว่าภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ, การชะลอตัวจของการส่งออกและการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของ GDP ใน 2 ไตรมาสที่เหลือของปี อีกทั้งภาวะแห้งแล้งในหลายๆพื้นที่จะเป็นตัวกดดันรายได้ภาคการเกษตร ดังนั้นจะส่งผลถึงการบริโภคภาคเอกชนในอนาคต เรามีการปรับประมาณการการเติบโตของ GDP ลงจาก 3.1% เป็น 2.6% (สภาพัฒน์ ปรับลงจาก 3.3-3.8% เป็น 2.7-3.2%) 
 
KTC ครึ่งหลังเติบโตแข็งแกร่ง 
          บริษัทยังคงเปาการเติบโตของสินเชื่อที่ 10% (ประมาณการของเราอยู่ที่ 7%) จากการทำการตลาดผ่านการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม, ประกัน และท่องเที่ยว ในด้านของการตั้งสำรองคาดจะดีขึ้นใน 2H19 เนื่องจากมีวันหยุดน้อยกว่าช่วงครึ่งปีแรกทำให้การตามนี้ทำได้ดีกว่า รวมถึง IFRS9 สามารถลดสำรองลงได้ตั้งแต่ 3Q19 เรามองว่า PICO finance จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการในอนาคต โดยจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนนี้ในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนเล่ม เรามีการปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 50 บาท 
 
COM7 ภาพการเติบโตของกำไรชัดเจน
          COM7 เป็นบริษัทที่มี Earnings visibility สูง เพราะโมเด็ลธุรกิจที่แข็งแกร่ง ที่มีทั้งพอร์ต Apple และ non-Apple และมีรูปแบบร้านค้าที่หลายหลายครอบคลุมลูกค้าได้กว้าง และมีปัจจัยบวกทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะสั้นคือสินค้า Apple ที่จะกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้งในปีนี้ จากการยกเครื่องสินค้าของ Apple ใหม่ และสำหรับระยะยาวคือการใช้โมเด็ลธุรกิจคล้ายห้างใหญ่คือการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น และยังมีการเปิดร้านค้ารูปแบบใหม่ในเดือนหน้า เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว เราแนะนำ ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 31 บาท 
 
BCH ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
          รายได้ประกันสังคมใน 3Q19 มีแนวโน้มขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยเงินประกันสังคมที่เลื่อนการรับชำระมาตั้งแต่ต้นปีและจำนวนผู้ประกันตนที่ขยายตัวหนุนโดยรพ.เปิดใหม่ ทั้งนี้การปรับเพิ่มราคาประกันสังคมจะเป็นโอกาสการปรับประมาณการของทั้งเราและตลาด เราคาดราคาหุ้น BCH จะรีบาวน์ต่อเนื่องหลังจากผลประกอบการ 2Q19 ออกมาดีกว่ากลุ่มและแนวโน้มผลประกอบการ 3Q19 มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ เติบโตสูงทั้ง YoY และ QoQ โดยราคาหุ้นที่อ่อนตัวมาในระยะสั้นได้สะท้อนความกังวลเรื่องความเสี่ยงรพ.ใหม่ปี 2020 ไปแล้วพอสมควร มูลค่าหุ้นที่ยังคงอยู่ในระดับที่ปรับขึ้นได้อีก ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถูกที่สุด และราคาหุ้นที่ laggard ในขณะที่กำไรหลักเติบโตมั่นคงที่ 15% สำหรับปี 2019 เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 18.40 บาท 
 
ORI ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์  
          บริษัทได้ partner จากญี่ปุนมาเพิ่มคือ ES-CON ซึ่งเป็น developer size กลาง (จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) โดย ES-CON จะเข้ามาเติมการ JV โครงการขนาดกลางที่อยู่นอกความสนใจของ NOMURA Real Estate Development ซึ่งจะช่วยให้ ORI มีความคล่องตัวทางการเงินสามารถขยายโครงการได้มากขึ้น สำหรับโครงการ Park24 inventory ที่เหลืออยู่บริษัทตั้งใจจะค่อยๆ ขายออก คาดจะใช้เวลาราว 2 ปี  การเปิดโครงการในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสูงมาก บริษัทมีศักยภาพที่จะพัฒนาโครงการต่อเนื่อง และทำได้ตามแผนงาน อย่างไรก็ดีในแง่ของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นถึงราคาเปาหมายของเราเมื่อเดือนกรกฎาคมแล้ว คาดในระยะสั้นหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวเทียบเคียงกับกลุ่มอุตสาหกรรม เราแนะนำ "wait and see"
 
MINT ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์  
          NH ยังคงอยู่ในช่วงผลประกอบการดีต่อเนื่องใน 3Q19 จากปัจจัยฤดูกาลที่ดีของโรงแรมแถบยุโรป ธุรกิจอาหารยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องใช้เวลาในการฟนคืนจากการแข่งขันที่สูงและการบริโภคในประเทศยังอ่อนไหว บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการ refinance และคืนหนี้บางส่วนจากการซื้อ NH เรามองว่าราคาหุ้นจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยในระยะสั้นปัจจัยกระตุ้นคือกำไรสุทธิ 3Q19 มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ หนุนโดยกำไรพิเศษจากการทำ sales and leaseback โรงแรมทิโวลี 3 แห่ง ทั้งนี้มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่พร้อมกลับมาเล่นรอบใหม่ โดยหุ้นซื้อขายที่ 2019 PER ที่ 25 เท่า เทียบกับช่วงเวลาบริษัทมีข่าวดีโดดเด่นสามารถขึ้นไปซื้อขายได้ที่ประมาณ 30 เท่า เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 48 บาท 
 
Infrastructure BTS-GULF-STEC-RATCH เสนอราคาประมูลงาน O&M มอเตอร์เวย์ต่ำสุดทั้งสองสาย 
          กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR (BTS, GULF, STEC, และ RATCH) เป็นผู้ยื่นซองประมูลงาน O&M มอเตอร์เวย์สองสาย โดยเสนอราคาต่ำที่สุด (ต่ำกว่าราคากลางราว 36%) เราเชื่อว่าตลาดน่าจะมีการตอบรับเชิงบวกต่อหุ้น BTS ("ซื้อ", 13.50 บาท), GULF ("ซื้อ", 130 บาท), STEC ("ถือ"), และ RATCH (ไม่ได้ให้คำแนะนำ) โดยอาจมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเปาหมายในเร็วๆนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ในระยะสั้น โดย STEC น่าจะมีการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างก่อน โดย BTS, GULF, และ RATCH จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการหลังจากโครงการฯ เริ่มเปิดให้บริการในปี 2023 
 
GULF ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ 
          การประมูลสัมปทาน O&M มอเตอร์เวย์ทั้งสองสาย แม้ว่ากลุ่ม BGSR จะเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 36% แต่โครงการดังกล่าวจะยังให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี ปัญหาเรื่องสายส่งในเวียดนามจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการของบริษัท สำหรับโครงการในต่างประเทศ ทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุนในในประเทศลาวและโอมาน เรามองเห็นแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของ GULF ในระยะยาวเกินกว่า 10 ปีนับจากนี้ จากการเข้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต นอกจากนี้ GULF ยังมีโอกาสในการลดต้นทุนทางการเงินสำหรับโครงการในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของโครงการสูงขึ้นอีกด้วย เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 130 บาท 
 
TQM ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
          เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากผลประกอบการ ใน 2H19 จากความสามารถขายเบี้ยประกันภัยและประกันชีวิตมากขึ้นครึ่งแรกของปีและต่อเนื่องในครึ่งหลังผ่านความร่วมมือออกสินค้าใหม่กับเมืองไทยประกันภัยรวมถึงการซื้อ TJN insurance broker ในเดือนก่อนช่วยเพิ่มเบี้ยรับ เราเชื่อว่า TQM สามารถทำกำไรดีตามประมาณการเราปีนี้และกิจการมีอัพไซด์จากประมาณการเราปีหน้าจากธุรกิจใหม่ อันมาจากเบี้ยประกันที่มากกว่าเราคาดและจากรายได้คอมมิชชั่น  แนวโน้มดังกล่าวทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น สำหรับกำไรครึ่งปีหลังและปีหน้า เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" TQM  
 
JKN ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ 
          บริษัทมี Backlog 470 ล้านบาท ที่จะรับรู้ในช่วง 2H19 แบ่งเป็น backlog ในประเทศจำนวน 369 ล้านบาท และ backlog ส่งออกจำนวน 101 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารยังคงเปาหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20% สำหรับรายการ JKN-CNBC มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มี 3 รายการ ในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มอีก 4 รายการ เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า และประเด็นที่ช่อง 3 จะถอดหนังอินเดียออกนั้นผู้บริหารชี้แจงว่าผลกระทบจะเริ่มเห็นในไตรมาส 3 อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าจะสามารถหารายการอื่นให้กับช่อง 3 รวมถึงการหารายได้จากทางอื่นมาทดแทนได้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสที่ให้สะสม เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นเทรดบน PE 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดมาถึง -1SD คาดผลประกอบการที่เติบโต YoY ในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น แนะนำ "ซื้อ" 
 
Flow Tracker คาดแรงขายจากต่างชาติในตลาดไทยชะลอลงในสัปดาห์นี้ 
          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 790 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแรงขายเพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดขายสุทธิ 2,615 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2,306 ล้านเหรียญ ในสัปดาห์นี้ดัชนีระยะสั้นของเราชี้ว่าเม็ดเงินจากต่างชาติน่าจะยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทย แต่แรงขายน่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า 
 
Quantitative Strategy รีบาวด์ชั่วคราว แต่ระยะกลางความเสี่ยงยังสูงอยู่ 
          ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1590 จุดหลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/62 ที่อ่อนแอ เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์ในระยะสั้นเนื่องจากรัฐบาลเพิ่งประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear ระยะสั้นและดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum Strength Index) ปรับตัวลงจนถึงระดับ Oversold แล้ว ดังนั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ได้ชั่วคราวโดยอัพไซด์ของการรีบาวด์อยู่ที่ระดับ 1650-1680 จุด อย่างไรก็ตามในระยะกลางตลาดน่าจะกลับถูกกดดันอีกครั้ง เนื่องจากความผันผวนของตลาดยังคงปรับตัวขึ้น 
 
หุ้นมีข่าว 
 
BEM 
          + คณะทำงานหารือข้อพิพาท กทพ.-BEM จะประชุมอีกครั้ง 26 สค.นี้ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูล และ ความเห็น เสนอ รมว.คมนาคม วันที่ 27 สค. ก่อนจะ เสนอ ครม. เห็นชอบต่อไป (ที่มา อินโฟเควสท์)     
 
PTT 
          * 'สนธิรัตน์' สั่งปตท.ตอบ 3 ข้อก่อนพีทีทีโออาร์เข้าตลาด เน้นความมั่นคงด้านพลังงาน-ช่วยชุมชนฐานรากและสร้างความแข็งแกร่งในต่างประเทศ ส่อขยับแผนเป็นปี 63 (ที่มา ไทยโพสต์)  
 
FPT 
          + เฟรเซอร์สควัก 400 ล้านบาท ซื้อหุ้นซิสเต็ม แอสเซ็ทส์คว้าที่ดินบางกะปิ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ยูนิเวนเจอร์ เผยผลประกอบการ Q3 2562 กวาดกำไรสุทธิ 659.8 ล้านบาท (ที่มา ไทยโพสต์)  
 
โรมแรม 
          + ครม. จะพิจารณามาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ชิม ช้อป ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะใช้เวลาเตรียมระบบและเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ในปลายเดือน ก.ย.-พ.ย.นี้ หรือจนกว่าครบ 10 ล้านคน เพื่อรับสิทธิวงเงินใช้จ่ายค่าที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้าสินค้าชุมชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์คนละ 1,000 บาท และรับสิทธิแคชแบ๊กคืนเงิน 15% เมื่อนำเงินส่วนตัวไปใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับร้านที่เข้าร่วม วงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท ได้สิทธิรับคืนสูงสุดคนละ 4,500 บาท (ที่มา เดลินิวส์)  
 
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,637.26 (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย 5.7 แสนล้านบาท 
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,645 / SET100 รับ 2,380 ต้าน 2,400 BSET100 รับ 10.50 ต้าน 10.59 / BMSCITH รับ 11.90 ต้าน 11.98 
 
หัวข้อ: สแกนดัชนีไปต่อ...มองแนวต้านบริเวณใด...
 
กลยุทธ์เทคนิค:  
          SET Index ฟนตัวต่อเนื่องจากภาวะ Oversold และกำลังขึ้นไปปิดช่องว่าง Gap1 ที่ 1650 จุด กรณีทะลุได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1670 หรือบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 25-days EMA ซึ่งเป็นต้นทุนเฉลี่ยในรอบ 1 เดือน หากมองแบบ Bull case จะขึ้นไปที่ 1700 (Gap2) หากจะให้น้ำหนักความเป็นไปได้มากที่สุดขอลุ้นแนวต้านระดับกลางๆที่ 1670 จุด / แนวรับ 1620 จุด
 
มุมมองทางเทคนิค:  
          หุ้นแบงค์+พลังงาน รอบนี้ถือว่ามาแปลกคือขึ้นพร้อมกัน ดึงดัชนีบวกขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 3% ก็ต้องบอกว่า Market cap.ทั้ง 2 กลุ่มนี้รวมกันสูงถึง 33% เยอะมากๆ ส่วนรายที่เข้าซื้อดุดันเจ้าประจำกองทุนในประเทศมักจะใช้โอกาสดัชนีลงแรงๆมาซื้อของถูกนั่นเอง โดยสรุปหากหุ้นแบงก็ขึ้นพลังงานก็ขึ้น โอกาสดัชนีทดสอบแนวต้านที่ให้ไว้ด้านบนก็ไม่ได้ยากเกินไป 
 
วิธีการเลือกหุ้น:           
          กลยุทธ์เลือกหุ้นตลาดขาลงเน้นจับจังหวะการเทรดเข้า-ออกเร็ว เน้นหุ้นราคาลงแรงอยู่ในภาวะ Oversold มากๆ หรือ RSI < 30 เลือกหุ้นลักษณะเปิดต่ำปิดสูง "Hammer" บ่งชี้สัญญาณกลับตัวระยะสั้นและวางเงื่อนไขจุด Stop loss ให้ชัดเจนเพื่อปิดความเสี่ยง 
          *Bull Signal (หุ้นสัญญาณซื้อ): PTT, WORK, CHG 
          *Bear Signal (หุ้นสัญญาณขาย): ESSO, STEC, TMB 
 
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
          สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +14.52% สูงกว่าตลาดที่ +4.32%  
          *Addition(หุ้นเพิ่ม):PTT,WORK 
          *Deletion(หุ้นออก): --ไม่มี-- 
          หุ้นคงเหลือ:M,TFG, CHG, DOD, CPF, NETBAY, BGC, SABINA, AOT, BBL, MTC, BH, TASCO, RS, PRM 
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                 
          This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. +662-618-1334 
 
Track with Technical 
          PTT (PTT01C2001A) 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 42.50 
          ต้าน 47.00/49.00 
          เหตุผล PTT ฟนตัวจากการลงแรง หนุนด้วยสัญญาณกลับตัว Stochastic และปันผลสูงถึง 4.7% 
 
          WORK (WORK01C1910A) 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 24.00 
          ต้าน 28.00 
          เหตุผล WORK ปิดสูงกลับตัวจากการลงแรง ขณะที่โซนแนวรับ แข็งแกร่ง 20 จะทำให้หุ้นฟนตัวขึ้นได้ไม่ยาก 
 
          CHG (CHG01C2001B) 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 2.30 
          ต้าน 2.70 
          เหตุผล CHG จ่อเตรียมทะลุทำจุดสูงสุดใหม่ ยืนยันโครงสร้างขาขึ้นระยะสั้น

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!