หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 16


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ.เมืองไทย แคปปิตอล'ที่ 'BBB+' แนวโน้ม 'Stable'

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB+'ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ'คงที่'โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและฐานเงินทุนที่แข็งแรงของบริษัท อันดับเครดิตยังสะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่ดี คุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัว ตลอดจนแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มผลกระทบที่มีต่อคุณภาพสินทรัพย์และสถานะการเงินของบริษัทที่อาจเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงในเวลานี้

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผู้นำในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกัน

     ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะดำรงสถานะผู้นำในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันต่อไปได้ในระยะปานกลาง โดยเชื่อว่าบริษัทจะสามารถต่อยอดความชำนาญในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งขยายเครือข่ายสาขาและฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ณ เดือนมีนาคม 2563 บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตขึ้น 24% จาก ณ เวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมาอยู่ที่ 6.27 หมื่นล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังได้เปิดสาขาเพิ่มเติมกว่า 800 แห่งในช่วงปีที่ผ่านมาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นและขยายฐานลูกค้า โดยจำนวนสาขา ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 4,294 แห่งจาก 3,279 แห่ง ณ สิ้นปี 2561 ทั้งนี้ เป้าหมายเครือข่ายสาขาของบริษัทอยู่ที่ 4,700 แห่งภายในปี 2563

การดำรงสถานะทุน การก่อหนี้ และการสร้างกำไรที่แข็งแกร่ง

     ทริสเรทติ้ง คาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะคงความแข็งแกร่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงโดยเฉลี่ย 5 ปีที่ประมาณ 24% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการสะสมฐานทุนของบริษัทจากผลกำไรที่มีอย่างต่อเนื่องและนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความระมัดระวังจะส่งผลให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขสำคัญทางการเงินที่ให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ไม่เกิน 4 เท่าได้ โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3 เท่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงและอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 22.7% และ 2.9 เท่าตามลำดับ

      ความสามารถในการทำกำไรในระดับเพียงพอของบริษัทนั้นน่าจะช่วยสนับสนุนการดำรงสถานะทุน การก่อหนี้ และการสร้างกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปี 2563 จะถูกกระทบในระดับที่จำกัดแม้ว่าจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยโดยเฉลี่ย 5 ปีของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 7.9% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรเอาไว้ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

คุณภาพสินทรัพย์ยังคงอยู่ในสภาพดี

    ทริสเรทติ้ง คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอาจอ่อนตัวลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงนั้นอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และจะมีผลกระทบต่อสถานะความเสี่ยงของบริษัทในขอบเขตที่จำกัด ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงนโยบายการให้สินเชื่อที่เข้มงวดและมีกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพต่อไปเพื่อที่จะควบคุมหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าลูกหนี้ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นมีสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดสินเชื่อคงค้าง

      โดยกลุ่มลูกหนี้ดังกล่าวประกอบไปด้วยพนักงานโรงงานและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาเป้าหมายอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตหรือสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมไว้ที่ระดับต่ำกว่า 2% ไว้ได้ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.2% จาก 1.0% ในปี 2562 ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

       ทริสเรทติ้ง ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงนโยบายการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตที่ระมัดระวังด้วยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับเป้าหมายประมาณ 200% สำหรับระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 201% จาก 275% ในปี 2562 จากการกลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตซึ่งเกิดจากการเริ่มใช้ TFRS 9

การจัดหาแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ

       ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทจะมีสถานะการระดมทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้าโดยพิจารณาจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพที่ระดับ 169% แม้ว่าอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องในระดับอ่อนแอโดยเฉลี่ย 2 ปีที่ 0.1 เท่า ทั้งนี้ ความสามารถของบริษัทในการเข้าถึงตลาดตราสารหนี้และตราสารทุนรวมถึงการมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้นแสดงถึงการมีช่องทางในการระดมเงินทุนที่หลากหลายซึ่งช่วยสนับสนุนสถานะเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินจำนวนทั้งสิ้น 1.7 หมื่นล้านบาท โดย 50% ของจำนวนดังกล่าวยังไม่มีการเบิกใช้ บริษัทยังมีสิทธิ์ได้รับสินเชื่อฉุกเฉินจากธนาคารออมสินเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย โดยแหล่งเงินทุนดังกล่าวจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่ส่งผลกดดันต่อกระแสเงินสดและอัตราผลตอบแทนของบริษัทลงได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับผลการดำเนินงานบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 มีดังนี้

  • ยอดสินเชื่อคงค้างจะเติบโตที่ระดับ 15%-20%
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 18%
  • อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมจะคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%
  • อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 200%

แนวโน้มอันดับเครดิต

      แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาด รวมทั้งมีผลประกอบการที่น่าพอใจ สามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และรักษาอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

        การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้ในระดับที่จำกัด อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 25% ในขณะที่ผลประกอบการทางการเงินยังคงแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยที่อยู่ในระดับสูงกว่า 8% อย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทถดถอยลงจนนำไปสู่การมีสถานะเงินทุนที่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและความเสี่ยงในการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เดิมหรือความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

MTC217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

MTC222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,650.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

MTC227B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,043.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+       

MTC22NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,349.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

MTC237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,756.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

            บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

       ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!