ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน

NCB จัดสัมมนา`ข้อมูลเครดิต พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2 ทศวรรษ` ตอกย้ำคุณค่าและพลังของข้อมูลเครดิตในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) จัดงานสัมมนา ภายใต้หัวข้อ`ข้อมูลเครดิตพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2 ทศวรรษ` ในวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้อง Grand Ballroom ชั้น 9 โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลเครดิตของประเทศ มาตลอดระยะเวลา 20 ปี จึงเล็งเห็นความสำคัญของข้อมูลเครดิต`ในการเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถพิจารณาและบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อได้อย่างรอบคอบ รวมถึงได้มีการพัฒนาต่อยอดเป็นฐานข้อมูลสถิติที่มีศักยภาพสำหรับการวิจัยและกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อสะท้อนคุณค่าและพลังของ`ข้อมูลเครดิต`ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) กล่าวว่า `งานสัมมนาครั้งนี้ มุ่งนำเสนอผลงานวิจัยจากหน่วยงานที่ได้นำข้อมูลสถิติของ NCB ไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจสังคม การบริหารความเสี่ยงของระบบสถาบันการเงิน และการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค อันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าและพลังของข้อมูลเครดิตจาก NCB ตลอดสองทศวรรษ ที่ผ่านมา`ภายในงาน NCB ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนจากกลุ่มสถาบันการเงิน ผู้กำหนดนโยบาย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง อาทิ
คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (K Research) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการใช้ข้อมูลเครดิตในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยผู้เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคเศรษฐกิจ การเงิน และการธนาคาร สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ผู้บริหารของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกบริษัท หน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน
งานสัมมนานี้นับเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึง`พลังของข้อมูลเครดิต`ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางการเงิน แต่คือกลไกสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ของประเทศไทยในทศวรรษหน้า
2 ทศวรรษข้อมูลเครดิต นโยบายทางการเมืองทำให้เกิด 'คลื่นสึนามิหนี้คนไทย'
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) กล่าวภายในงาน 'ข้อมูลเครดิต พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2 ทศวรรษ'ว่า ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา NCB ผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้ง โดยเฉพาะสองวิกฤตใหญ่ ได้แก่ น้ำท่วมใหญ่ปี 2554.ซึ่งทำให้การก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงและสะสมเป็นภาระ และวิกฤตโควิด-19 ที่สร้างปรากฏการณ์ Income Shock หรือรายได้ตกต่ำในช่วง 3 - 4 ปี ทำให้ลูกหนี้ต้องแบกรับดอกเบี้ยผิดนัดชำระสูง
ทั้งนี้ ย่อมส่งผลให้ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย และเป็นสัญญาณเตือนภัยอย่างหนักว่า จะกำลังเผชิญกับ 'คลื่นสึนามิหนี้คนไทย' ที่ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นแต่สะสมมาจากรากฐานจากนโยบายทางการเมืองในอดีต เช่น โครงการรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก และโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ปริมาณการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้บ่อนทำลายความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ของประชาชน
โดยภูเขาหนี้รวม 16.2 ล้านล้านบาท เริ่มส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ความท้าทายของเครดิตบูโรคือการดึงแหล่งหนี้สำคัญหลายส่วนเข้ามาอยู่ในระบบ เช่น หนี้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ มูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะหนี้ครู รวมถึงข้อมูลสาธารณูปโภคอย่างค่าน้ำค่าไฟ และหนี้จากซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ซึ่งทำให้การก่อหนี้ง่าย แม้แต่การผ่อนกาแฟหรือสินค้าราคาไม่สูงก็ถือเป็นการให้สินเชื่อ
ส่วนมาตรการซื้อหนี้ หรือ โอนหนี้เสียมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาท จากบัญชีสถาบันการเงินเดิมไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ตามแนวทางของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดภาระให้ผู้ติดกับดักหนี้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ปกติ
ทั้งนี้ เฟสแรกคาดว่า จะครอบคลุมลูกหนี้ประมาณ 1.6 ล้านราย จากทั้งหมดกว่า 3 ล้านราย ทั้งกลุ่มแบงก์และนอนแบงก์ โดยมาตรการนี้รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การลดต้นและดอกเบี้ย การผ่อนปรนเงื่อนไข และแฮร์คัท โดยจะทำเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ติดค้างจากโควิดจนถึงปัจจุบัน.และจะช่วยให้ลูกหนี้ที่เข้าร่วมและชำระหนี้ตามเงื่อนไข มีรหัสเครดิตใหม่สะท้อนประวัติการชำระหนี้ดี เช่น จากรหัส 42 เป็น 26 เข้าโครงการ และหากชำระหนี้ดีจะได้รหัส 16 ซึ่งสะท้อนประวัติ 12 เดือน เพื่อให้สามารถเริ่มเข้าถึงสินเชื่อในโครงการของรัฐได้
นอกจากนี้ สำหรับ การแก้ไขปัญหาหนี้ของผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือ SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ ที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน โดยทาง NCB มีข้อมูลบริษัท 2.8 แสนแห่ง มูลค่าหนี้รวมประมาณ 3–4 แสนล้านบาท มีทั้งธุรกิจขนาดเล็กหรือซุปเปอร์ไมโครมีหนี้เสียสูงถึง 14% และมีมาตรการสำหรับ SMEs เพิ่มเติม จากการใช้กองทุนฟื้นฟูเป็นตัวชดเชยความเสียหาย เพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับ 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ประมาณ 100,000 ล้านบาท
สำหรับ แนวทางปฎิบัติในส่วนของการเก็บข้อมูลเครดิตของไทย จะต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น การเก็บประวัติลูกหนี้อย่างน้อย 3 ปี และสามารถนำข้อมูลสาธารณูปโภคผ่านระบบเข้ารหัส ส่งไปยังสถาบันการเงินโดยตรง โดย NCB เป็นตัวกลางให้สถานบันการเงินนำข้อมูลไปวิเคราะห์เครดิต โดยไม่ต้องละเมิดความเป็นส่วนตัว
ส่วนประเด็นการลดช่วงเวลาการเก็บข้อมูลจาก 3 ปี เหลือเพียง 6 เดือน ของนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองจะไม่สอดคล้องกับมาตรฐานโลก และอาจสร้างปัญหาหนี้ครัวเรือนใหม่ ที่ส่งผลในการลดความสามารถของสถาบันการเงินในการวิเคราะห์สินเชื่ออย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลการชำระหนี้ในการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคน้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ ตลอดจนการผ่อนชำระสินค้าที่ทำให้ปริมาณการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้น

ดร.โสมรัศมิ์ NCB symposium2025
NCB Hosts Seminar on `Credit Information : Two Decades as a Driving Force of the Thai economy`
Highlighting the Role of Credit Information as an Integral Part of Thailand’s Financial Infrastructure
The National Credit Bureau (NCB) hosted a seminar titled “Credit Information: Two Decades as a Driving Force of the Thai Economy” on Monday, 24 November 2025, from 08.30 to 16.30 hrs at the Grand Ballroom, Carlton Hotel Bangkok Sukhumvit.For the past 20 years, NCB has served as an integral part of Thailand’s financial infrastructure, supporting the stability and resilience of the financial institutional system. Credit information plays a vital role in helping financial institutions make sound lending decisions, manage credit risk responsibly, and strengthen overall financial discipline. Over time, NCB has also developed its credit database into a reliable statistical resource for economic research and national policy formulation—reflecting the value and contribution of credit information to Thailand’s economic development.
Dr. Luxmon Attapich, CEO of the National Credit Bureau (NCB), said:
“This seminar presents research from institutions that have utilized NCB’s statistical data in socio-economic studies, financial system risk assessment, and macroeconomic policy design. These papers showcase the contribution and significance of NCB’s credit information over the past two decades.”
The seminar brought together experts, policymakers, and key stakeholders from leading organizations, including the Faculty of Economics - Chulalongkorn University, the Puey Ungphakorn Institute for Economic Research, SCB Economic Intelligence Center (SCB EIC), Kasikorn Research Center (KResearch), the Bank of Thailand, the National Economic and Social Development Council, and the Fiscal Policy Office. Participants exchanged insights and discussed opportunities for utilizing credit information to support the country’s future economic direction.
Attendees included representatives from the financial and banking sectors, economic research institutions, executives from NCB member institutions, partner organizations, and the media.
This seminar underscores the important role of credit information not only as a financial tool, but as a mechanism that strengthens economic stability, supports responsible financial behavior, and creates greater opportunities for individuals, corporations, and the country in the years ahead.
เกี่ยวกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Financial Infrastructure) และปัจจัยของเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน โดยทำหน้าที่จัดเก็บ รวบรวมและประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงิน ตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกจัดส่งให้เท่านั้น และบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีสิทธิอนุมัติหรือร่วมตัดสินใจให้สินเชื่อกับใคร ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาระบบการประมวลผล รายงานผลข้อมูลเครดิต และปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็วและทันสมัย โดยเพิ่มศักยภาพทางด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ยึดถือหลักการในการปกป้องและรักษาความลับของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง ตลอดจนคำนึงถึงการดูแลและคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทเป็นองค์กรหลักในการให้บริการข้อมูลเครดิตที่มีคุณภาพสำหรับสถาบันการเงิน และส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพทางการเงินเพื่อสร้างเสริมเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2557 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด