: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
นักลงทุนชื่อดังอย่างเดวิด เทปเปอร์และไมเคิล เบอร์รี นักลงทุนจาก‘บิ๊กชอร์ต’ กำลังเพิ่มการเดิมพันในเศรษฐกิจจีนอย่างเงียบๆ
CNBC CHINA ECONOMYMarkets : Zahra Tayeb
จุดสำคัญ
จากปัญหาเรื่องอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา จีนดูเหมือนจะกำลังประสบกับโควิด-19 ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมหาเศรษฐีหลายราย เช่น ผู้ก่อตั้ง Appaloosa Management อย่าง David Tepper และนักลงทุนจากรายการ 'Big Short' อย่าง Michael Burry เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ว่า พวกเขาจะยึดมั่นกับการเดิมพันในจีนต่อไป
ตรงกันข้ามกับความคิดที่เป็นที่นิยม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนก็ประสบกับการก้าวกระโดดในช่วงฤดูร้อนนี้เช่นกัน
Investors watch computer screens displaying stock price figures at a stock exchange hall.
Jiang Sheng | Visual China Group | Getty Images
ใกล้จะเข้าสู่ปี 2024 แล้ว แต่โลกก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับจีนอยู่
จากปัญหาอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ประเทศจีนดูเหมือนจะกำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นเวลานาน ประเทศนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งแสดงให้เห็นผ่าน GDP ที่อ่อนแอ ตลาดหุ้นที่ซบเซา และอัตราการว่างงานที่สูง ทำให้ความหวังในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการระบาดต้องสูญสลายไป
แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งหลาย มุมมองที่สิ้นหวังและเลวร้ายนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่นักคิดทางการตลาดทุกคนมีเหมือนกัน
‘ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวังกับจีนมาก ฉันไม่คิดว่าเราจะเห็นความประหลาดใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จีนยังคงมีนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมากมายที่สามารถมาจากจีนได้’Ted Alexander CIO ของ BML Funds กล่าวกับรายการ ‘Street Signs Asia’ ของ CNBC เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“ผมคิดว่าใครๆ ก็อยากจะได้สัมผัสกับประเทศจีน” เขากล่าวเสริม
วอลล์สตรีทกลับมาเป็นขาขึ้น
นักลงทุนมหาเศรษฐีหลายราย รวมถึงผู้ก่อตั้ง Appaloosa Management อย่างDavid Tepperและนักลงทุนจากรายการ ‘Big Short’ อย่าง Michael Burryเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พวกเขายังคงยึดมั่นกับการเดิมพันในจีน
เอกสารการยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแล 13F ล่าสุด แสดงให้เห็นว่า Alibabaยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน
ยังคงเป็นหุ้นที่ Tepper ถือครองมากที่สุด แม้ว่าเขาจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลง 7% ในบริษัทในช่วงไตรมาสที่สองก็ตาม ปัจจุบัน Alibaba ถือหุ้นอยู่ 12% ของหุ้นที่ Appaloosa ถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่า 6.2 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ Tepper ยังเพิ่มหุ้นในบริษัทจีนอื่นๆ รวมถึงJD.com อีกด้วย
, เคอี โฮลดิ้งส์
รวมถึงกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนของจีนอีก 2 กองทุน ( iShares China Large-Cap ETFและKraneShares CSI China Internet ETF)
เมื่อไม่นานมานี้ Burry ก็ทำแบบเดียวกันนักลงทุนชื่อดังรายนี้ซื้อหุ้น Alibaba ในไตรมาสที่ 2 เผยให้เห็นว่าบริษัทมีหุ้นอยู่ 11.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ Burry ถือครองมากที่สุด โดยหุ้นเทคโนโลยีจีนตัวอื่นๆ เช่น Baidu และ JD.com ก็อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของ Burry เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน BCA Research เพิ่งอัปเกรดหุ้นในประเทศของจีนเป็น overweight โดยนักยุทธศาสตร์จีน Jing Sima คาดว่าหุ้นในประเทศของจีนจะทำผลงานดีกว่าหุ้นทั่วโลก
นักลงทุนผู้มากประสบการณ์อย่างจอร์จ บูบูรัสก็กำลังเสี่ยงกับจีนเช่นกัน กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ K2 Asset Management มองเห็นโอกาสในตลาดเกิดใหม่ โดยบอกกับ CNBC ว่าเขามี ‘ความโน้มเอียงเชิงกลยุทธ์และเชิงพลวัต’ ต่อปักกิ่ง และกำลังใช้โอกาสนี้ผ่าน ‘ผู้ส่งออกไปยังจีน ซึ่งพวกเขาได้รับรายได้ในโลกที่พัฒนาแล้ว’
แต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก็ไม่ได้ไม่มีหุ้นจีน เมื่อพิจารณาในภาพรวมโกลด์แมน แซคส์เพิ่งถอนตำแหน่งระยะยาวในหุ้นทองแดงและปรับลดคาดการณ์ราคาสำหรับปี 2025 ลงเกือบ 5,000 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน โดยอ้างถึงความต้องการทองแดงของจีนที่อ่อนตัวลง ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยแบงก์ออฟอเมริกาปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนในปีนี้ลงเหลือ 4.8%
ข้อมูลที่เป็นเชิงบวก
ข้อมูล PMI ของประเทศที่ลดลงและข้อมูลที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอลงแสดงให้เห็นว่าปัญหาของจีนยังไม่จบสิ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดโดยราคาขนส่งและสินค้าในบ้าน รวมถึงค่าเช่าบ้านลดลง นอกจากนี้ ยอดขายปลีกและข้อมูลภาคอุตสาหกรรมของจีนยังต่ำกว่าที่คาดอีกด้วย
แต่ก็มีจุดสว่างบางอย่างสำหรับประเทศเช่นกัน กิจกรรมภาคโรงงานของจีนเติบโตเพียงเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin เพิ่มขึ้นเป็น 50.4 ในเดือนที่แล้ว
ธนาคารดีบีเอสเผยการค้าต่างประเทศของจีนยังแข็งแกร่งมาก
ยอดขายปลีกในปักกิ่งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนกรกฎาคมจากปีก่อน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ การเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจนี้ถือเป็นการขยายตัวของยอดขายปลีกเป็นเดือนที่ 18
ช่วงพีคของการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งตรงข้ามกับที่หลายคนคิด โดยกระทรวงคมนาคมของจีนระบุว่าตลอดช่วงฤดูกาลนี้ มีผู้โดยสารเดินทางด้วยรถไฟราว 872 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.2% จากปีก่อน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ปักกิ่งคาดการณ์ว่าการเดินทางทางอากาศของจีนจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024ซึ่งสูงกว่าจำนวนการเดินทางโดยเครื่องบิน 619.6 ล้านครั้งในปี 2023 โดยเที่ยวบินโดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศมีแนวโน้มจะแตะระดับ 700 ล้านเที่ยวบินในปีนี้ ตามที่ซ่ง จื้อหยง หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือน กล่าวในการประชุมสุดยอดเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยความปลอดภัยทางการบิน
วันหยุดตรุษจีน โอลิมปิกที่ปารีส และความต้องการเที่ยวบินระหว่างจีนและญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์และยุโรป ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของปักกิ่ง
Eric Lin หัวหน้าฝ่ายวิจัย Greater China ของ UBS กล่าวกับรายการ ‘Street Signs Asia’ ของ CNBC เมื่อต้นเดือนนี้ว่า ‘บริษัทจีนมีกำไรที่มั่นคงมากในปีนี้’ แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อมูลมหภาคก็ตาม
“นี่คือ สิ่งที่ช่วยผลักดันให้หุ้นจีนได้รับการสนับสนุนในระยะใกล้ อย่างน้อยก็ในช่วงปลายปีนี้” เขากล่าว และเสริมว่าทีมของเขามีโอกาสเพิ่มขึ้น 10% ในราคาเป้าหมาย MSCI China สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2024
ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอหารือเกี่ยวกับการซื้อขายแบบหมุนเวียนภายในตลาดจีน
https://www.cnbc.com/2024/09/17/tepper-and-burry-upping-their-bets-on-the-chinese-economy.html
